สงกรานต์ ประวัติและกิจกรรมประเพณีการทำบุญในวันสงกรานต์

ประวัติวันสงกรานต์

กำเนิดวันสงกรานต์ มีเรื่องเล่าสืบ ๆ กันมา น่าจดจำไว้ดังข้อความจารึกวัดเชตุพน ฯ ได้กล่าวไว้ประดับความรู้ของสาธุชนทั้งหลายดังต่อไปนี้

สงกรานต์
สงกรานต์

” ….เมื่อต้นภัทรกัลป์ มีเศรษฐีคนหนึ่ง มั่งมีทรัพย์มาก แต่ไม่มีบุตร บ้านอยู่ใกล้นักเลงสุรา นักเลงสุรานั้นมีบุตร ๒ คน ผิวเนื้อดุจทอง วันหนึ่งนักเลงสุราเข้าไปในบ้านของเศรษฐี แล้วด่าเศรษฐี ด้วยถ้อยคำหยาบคายต่าง ๆ เศรษฐีได้ฟังจึงถามว่า พวกเจ้ามาพูดหยาบคายดูหมิ่นเราผู้เป็นเศรษฐีเพราะ เหตุใด พวกนักเลงสุราจึงตอบว่า ท่านมีสมบัติมากมายแต่หามีบุตรไม่ เมื่อท่านตายไปสมบัติก็จะ อันตรธานไปหมด หาประโยชน์อันใดมิได้ เพราะขาดทายาทผู้ปกครอง ข้าพเจ้ามีบุตรถึง ๒ คน และ รูปร่างงดงามเสียด้วย ข้าพเจ้าจึงดีกว่าท่าน เศรษฐีครั้นได้ฟังก็เห็นจริงด้วย จึงมีความละอายต่อนักเลง สุรายิ่งนัก จึงนึกใคร่อยากได้บุตรบ้าง จึงทำการบวงสรวงพระอาทิตย์และพระจันทร์ ตั้งจิตอธิษฐาน เพื่อขอให้มีบุตร อยู่ถึง ๓ ปี ก็มิได้มีบุตรสมดังปรารถนา เมื่อขอบุตรจากพระอาทิตย์และพระจันทรืมิได้ดังปรารถนาแล้วอยู่มาวันหนึ่ง ถึงฤดูคิมหันต์ จิตรมาส ( เดือน ๕ ) โลกสมมุติว่าเป็นวันมหาสงกรานต์ คือ พระอาทิตย์ยกจากราศีมีนประเวสสู่ราศีเมษ คนทั้งหลายพากันเล่นนักขัตฤกษ์เป็นการรื่นเริงขึ้นปีใหม่ทั่วชมพูทวีป ขณะนั้นเศรษฐีจึงพาข้าทาสบริวาร ไปยังต้นไทรริมฝั่งแม่น้ำอันเป็นที่อยู่แห่งปักษีชาติทั้งหลาย เอาข้าวสารซาวน้ำ ๗ ครั้ง แล้วหุงบูชา รุกขพระไทรพร้อมด้วยสูปพยัญชนะอันประณีต และประโคมด้วยดุริยางค์ดนตรีต่าง ๆ ตั้งจิตอธิษฐาน ขอบุตรจากรุกขพระไทร รุกขพระไทรมีความกรุณา เหาะไปขอบุตรกับพระอินทร์ให้กับเศรษฐี พระอินทร์จึงให้ธรรมบาลเทวบุตร ลงไปปฏิสนธิในครรภ์ บิดามารดาขนานนามว่า ธรรมบาลกุมาร แล้วจึงปลูกปราสาทขึ้น ให้กุมารอยู่ใต้ต้นไทรริมสระฝั่งแม่น้ำนั้น ครั้นกุมารเจริญขึ้น ก็รู้ภาษานกแล้วเรียนจบไตรเพทเมื่ออายุได้ ๘ ขวบ และได้เป็นอาจารย์บอกมงคลการต่าง ๆ แก่มนุษย์ ชาวชมพูทวีปทั้งปวงซึ่งขณะนั้นโลกทั้งหลายนับถือท้าวมหาพรหม และกบิลพรหมองค์หนึ่งได้แสดง มงคลการแก่มนุษย์ทั้งปวง เมื่อกบิลพรหมแจ้งเหตุที่ธรรมกุมารเป็นผู้มีชื่อเสียง เป็นที่นับถือของมนุษย์ชาวโลกทั้งหลาย จึงลงมาถามปัญหาแก่ธรรมกุมาร 3 ข้อ ความว่า เวลาเช้า สิริคือราศีอยู่ที่ไหน เวลาเที่ยง สิริคือราศีอยู่ที่ไหน เวลาเย็น สิริราศีอยู่ที่ไหน และสัญญาว่า ถ้าท่านแก้ปัญหา ๓ ข้อนี้ได้เราจะตัดศีรษะเราบูชาท่าน ถ้าท่านแก้ไม่ได้ เราจะตัดศีรษะของท่านเสีย ธรรมกุมารรับสัญญา แต่ผลัดแก้ปัญหาไป ๗ วัน กบิลพรหมก็กลับไปยัง พรหมโลก ฝ่ายธรรมบาลกุมารพิจารณาปัญหานั้นล่วงไปได้ 6 วันแล้วยังไม่เห็นอุบายที่จะตอบปัญหาได้ จึงคิดว่าพรุ่งนี้แล้วสิหนอ เราจะต้องตายด้วยอาญาของท้าวกบิลพรหม เราหาต้องการไม่ จำจะหนีไป ซุกซ่อนตนเสียดีกว่า คิดแล้วลงจากปราสาทเที่ยวไปนอนที่ต้นตาล ๒ ต้น ซึ่งมีนกอินทรี ๒ ตนผัวเมีย ทำรังอยู่บนต้นตาลนั้น ขณะที่ธรรมบาลกุมารนอนอยู่ใต้ต้นตาลนั้น ได้ยินเสียงนางนกอินทรีถามผัวว่า พรุ่งนี้เรา จะไปหาอาหารที่ไหน นกอินทรีผู้ผัวตอบว่า พรุ่งนี้ครบ ๗ วันที่ท้าวกบิลพรหม ถามปัญหาแก่ธรรมบาล กุมาร แต่ธรรมบาลกุมารแก้ไม่ได้ ท้าวกบิลพรหมจะตัดศีรษะเสียตามสัญญา เราทั้ง ๒ จะได้กินเนื้อมนุษย์ คือ ธรรมบาลกุมารเป็นอาหาร นางนกอินทรีจึงถามว่าท่านรู้ปัญหาหรือ ? ผู้ผัวตอบว่ารู้แล้วก็เล่าให้นาง นกอินทรีฟังตั้งแต่ต้นจนปลายว่า เวลาเช้าราศีอยู่ที่ หน้า คนทั้งหลายจึงเอาน้ำล้างหน้า เวลาเที่ยงราศีอยู่ที่ อก คนทั้งหลายจึงเอาน้ำและแป้งกระแจะจันทร์ลูบไล้ที่อก เวลาเย็นราศีอยู่ที่ เท้า คนทั้งหลายจึงเอาน้ำล้างเท้า ธรรมบาลกุมารนอนอยู่ใต้ต้นไม้ได้ยินการสนทนาของทั้งสองก็จำได้ จึงมีความโสมนัส ปีติยินดีเป็นอันมาก แล้วจึงกลับมาสู่ปราสาทของตน ครั้นถึงวาระเป็นคำรบ ๗ ตามสัญญา ท้าวกบิลพรหมก็ลงมาถามปัญหาทั้ง ๓ข้อตามที่นัด หมายกันไว้ ธรรมบาลกุมารก็วิสัชนาแก้ปัญหาทั้ง ๓ ข้อตามที่ได้ฟังมาจากนกอินทรีนั้น ท้าวกบิลพรหม ยอมรับว่าถูกต้องและยอมแพ้แก่ธรรมบาลกุมาร และจำต้องตัดศีรษะของตนบูชาตามที่สัญญาไว้ แต่ก่อนที่ จะตัดศีรษะ ได้ตัดเรียกธิดาทั้ง ๗ อันเป็นบาทบริจาริกาของพระอินทร์ คือ

  1. นางทุงษะเทวี
  2. นางรากษเทวี
  3. นางโคราคเทวี
  4. นางกิริณีเทวี
  5. นางมณฑาเทวี
  6. นางกิมิทาเทวี
  7. นางมโหธรเทวี

วิธีปฎิบัติในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ของไทย ได้เปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย ในอดีตจะมีการทำบุญตักบาตร รถน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่ หรือปัจจุบันนี้ การปฎิบัติแบบดังกล่าวยังพอมีให้เห็นบ้าง แต่ยุคโลกเปลี่ยนไป วัยรุ่นสสมัยนี้ชอบสาดน้ำกัน หรือบางทีก็มีการจัดงานรื่นเริง ร้องรับทำเพลง บางที่ก็อาจจะมีการจัดการ ปาร์ตี้โฟม เพื่อความสนุกสนานกัน

เครื่องผลิต โฟมปาร์ตี้ น้ำยาโฟมปาร์ตี้

จังหวัดที่มีการจัดกิจกรรมวันสงกรานต์

ภาคเหนือ

  • เชียงราย
  • น่าน
  • พะเยา
  • เชียงใหม่
  • แม่ฮ่องสอน
  • แพร่
  • ลำปาง
  • ลำพูน
  • อุตรดิตถ์ 

ภาคใต้

  • ชุมพร
  • ระนอง
  • เกาะพยาน กระบุรี
  • สุราษฎร์ธานี
  • เกาะสมุย
  • เกาะเต่า
  • เกาะพะงัน
  • นครศรีธรรมราช
  • ทุ่งสง
  • กระบี่ เกาะพีพี
  • .พังงา : เกาะยาว , ท้ายเหมือง ,คุระบุรี , ตะกั่วป่า , เกาะตาปู , เกาะยาวใหญ่ , เกาะไข่นอก
  • ภูเก็ต : เกาะเฮ , เกาะราชาน้อย , เกาะโหลน
  • พัทลุง : ควนขนุน , ปากพะยูน
  • ตรัง : เกาะลิบง , เกาะมุก , ปะเหลียน
  • ปัตตานี : โคกโพธิ์
  • สงขลา : หาดใหญ่ , สะเดา
  • สตูล : ละงู , เกาะหลีเป๊ะ , เกาะตะรุเตา
  • นราธิวาส : จะแนะ , ศรีสาคร
  • ยะลา : เบตง , ธารโต , บันนังสตา

 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • หนองคาย
  • นครพนม
  • สกลนคร
  • อุดรธานี
  • หนองบัวลำภู
  • เลย
  • มุกดาหาร
  • บึงกาฬ
  • กาฬสินธุ์
  • ขอนแก่น
  • อำนาจเจริญ
  • ยโสธร
  • ร้อยเอ็ด
  • มหาสารคาม
  • ชัยภูมิ
  • นครราชสีมา
  • บุรีรัมย์
  • สุรินทร์
  • ศรีสะเกษ
  • อุบลราชธานี 

ภาคตะวันออก

  • สระแก้ว
  • ปราจีนบุรี
  • ฉะเชิงเทรา
  • ชลบุรี
  • พัทยา
  • พัทยาเหนือ
  • พัทยากลาง
  • พัทยาใต้
  • เกาะล้าน
  • เกาะสีชัง
  • ศรีราชา
  • สัตหีบ
  • พนัสนิคม
  • ระยอง
  • เกาะเสม็ด
  • จันทบุรี
  • ตราด
  • เกาะช้าง

ภาคกลาง

  • สมุทรสาคร
  • พิษณุโลก
  • สุโขทัย
  • เพชรบูรณ์
  • พิจิตร
  • กำแพงเพชร
  • นครสวรรค์
  • ลพบุรี
  • ชัยนาท
  • .อุทัยธานี
  • สิงห์บุรี
  • อ่างทอง
  • สระบุรี
  • พระนครศรีอยุธยา
  • สุพรรณบุรี
  • นครนายก
  • ปทุมธานี
  • นนทบุรี
  • นครปฐม
  • สมุทรปราการ
  • สมุทรสงคราม
  • กรุงเทพมหานคร
  • ตาก
  • กาญจนบุรี
  • ราชบุรี
  • เพชรบุรี
  • ประจวบคีรีขันธ์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *